“จ่ายเงินด้วยคริปโต” ในบาหลีมีโทษทั้งจำและปรับ!

ทางการเกาะบาหลี ในประเทศอินโดนีเซีย เตือนนักท่องที่ว่าห้าม “จ่ายเงินด้วยคริปโต” หากผู้ใดละเมิดอาจมีโทษทั้งจำและปรับอย่างรุนแรง

ทางการของเกาะบาหลีออกประกาศอย่างเข้มงวด นักท่องเที่ยวไม่ได้รับอนุญาตให้ชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิตอล ผู้ที่ฝ่าฝืน “จะถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาด”

นักท่องเที่ยวที่ “จ่ายเงินด้วยคริปโต” อาจถูกจำคุก

ผู้ว่าการ Wayan Koster กล่าวในงานแถลงข่าวการพัฒนาการท่องเที่ยวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคมว่า บาหลีจะดำเนินการกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้ cryptocurrency ในการชำระเงิน โดยผู้กระทำผิดอาจถูกขับออกนอกประเทศ ถูกลงโทษทางอาญา และการลงโทษที่รุนแรงอื่นๆ

ผู้ว่าราชการจังหวัดบาหลียืนยันว่ารูเปียห์ (rupiah) ของอินโดนีเซียเป็นสกุลเงินเดียวตามกฎหมายที่อนุญาตให้เป็นวิธีการชำระเงิน โดยระบุว่าการใช้สกุลเงินอื่นใดที่ฝ่าฝืนกฎหมายของอินโดนีเซีย “ผู้กระทำความผิดอาจถูกจำคุกหนึ่งปีพร้อมปรับสูงสุด 200 ล้านรูเปียห์ ( 13,000 ดอลลาร์).

คำเตือนของ Koster มาพร้อมกับรายงานเกี่ยวกับแผนของผู้ว่าการที่จะจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาเที่ยวที่เกาะ และควบคุมพฤติกรรมของชาวต่างชาติที่ละเมิดกฎท้องถิ่น

ภาคการท่องเที่ยวของบาหลีเติบโตเป็นอย่างมากในปี 2019 แต่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในปี 2020 เพราะของโควิด-19 ทำให้เกาะต้องปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศ การเปิดประเทศอีกครั้ง แม้ว่าจะเป็นเรื่องดีแต่ทางผู้ว่าก็เผยว่ามันเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวเช่นกัน เพราะนักท่องเที่ยวชอบละเมิดกฎหมายท้องถิ่น

Crypto ได้รับอนุญาตแต่ไม่ใช่เพื่อการใช้จ่าย

Trisno Nugroho หัวหน้าธนาคารแห่งประเทศอินโดนีเซียประจำบาหลีกล่าวว่าในขณะที่ crypto เป็นที่ยอมรับในเกาะ แต่การใช้เพื่อการชำระเงินนั้นไม่ได้รับอนุญาตและถือว่าผิดกฎหมาย

Koster ยังระบุด้วยว่ากิจกรรมทางธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากธนาคารกลางของอินโดนีเซีย โดยเสริมว่าการดำเนินการโดยไม่มีใบอนุญาตอาจได้รับโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี และปรับสูงสุด 22 พันล้านรูเปียห์ (1.4 ล้านดอลลาร์)

“การฝ่าฝืนจะถูกลงโทษทางปกครองในรูปแบบที่เป็นลายลักษณ์อักษร ภาระผูกพันในการชำระค่าปรับ และการห้ามทำธุรกรรมการชำระเงินด้วยสินทรัพย์ดิจิตอล”