ABT Coin คืออะไร? ArcBlock น่าสนใจยังไง? [อัพเดต 2024]

ABT Coin คือ เหรียญคริปโตสำหรับใช้งานบนแพลตฟอร์ม ArcBlock ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชน 3.0 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการพัฒนาและใช้งานแอปพลิเคชั่นแบบกระจายอำนาจ (DApps) และสามารถทำงานรวมกับบล็อกเชนอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย

ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่า ABT Coin คืออะไร? และ ArcBlock มีความน่าสนใจอย่างไร?

ArcBlock (ABT Coin) คืออะไร?

Sponsored Sponsored

ArcBlock (ABT) เป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่พยายามที่จะลดความซับซ้อนของกระบวนการพัฒนาแอปพลิเคชั่นแบบกระจายอำนาจ (DApp) และบล็อกเชนที่นักพัฒนาสามารถตั้งค่าด้วยตัวเองได้อย่างง่ายดาย โดยการจัดหาองค์ประกอบพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการสร้างแอปพลิเคชั่นบนบล็อกเชนไว้ให้เลือกใช้งานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น SDK ที่ยืดหยุ่น, แพ็คเกจโค้ด, เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา และบริการต่างๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงาน เป็นต้น

หนึ่งในความโดดเด่นของแพลตฟอร์ม ArcBlock ก็คือ การเป็นแพลตฟอร์มที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้สนับสนุนการประมวลผลในระบบคลาวด์ (Cloud Computing) ซึ่งจะช่วยให้ DApp ที่สร้างขึ้นมาสามารถปรับใช้งานกับโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ใดๆ ก็ได้ หรือ เข้าถึงบริการต่างๆ ด้วยเว็บเบราว์เซอร์ใดๆ ก็ได้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ไหลลื่นมากที่สุด

สิ่งนี้ทำให้ ArcBlock มีพื้นฐานที่แตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่นๆ ในโลกบล็อกเชน ใน ArcBlock Node อาจจะเป็น “Logical Computer” ที่ประกอบด้วยเครื่องเสมือน (Virtual Machines) ตั้งแต่ 1 เครื่องขึ้นไป หรือ อาจจะเป็นกลุ่มของ Cloud Services ที่ทำงานร่วมกันในการประมวลผลก็ได้ แนวทางของ ArcBlock ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยยกระดับแอปพลิเคชั่นบล็อกเชนและการกระจายอำนาจไปสู่อีกระดับ

เทคโนโลยีที่ ArcBlock ใช้งาน

Open Chain Access Protocol

เทคโนโลยีที่หัวใจสำคัญของแพลตฟอร์ม ArcBlock ก็คือ Open Chain Access Protocol ซึ่งจะช่วยให้แอปพลิเคชั่นที่นักพัฒนาสร้างขึ้นสามารถปรับให้ทำงานร่วมกับโปรโตคอลบล็อกเชนที่หลากหลายได้ ไม่ว่าจะเป็น Bitcoin, Ethereum, Hyperledger และอื่นๆ อีกมากมาย Open Chain Access Protocol เป็นโอเพ่นซอร์สที่มาพร้อมกับ MIT License ซึ่งจะช่วยให้ทุกคนในชุมชนบล็อกเชนสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนา, สร้างส่วนขยาย (Extensions), และปรับปรุงโปรโตคอลได้

Open Chain Access Layer

Open Chain Access Layer ประกอบไปด้วย API ทั่วไประดับสูง ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถเชื่อมต่อกับโปรโตคอลบล็อกเชนต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย เลเยอร์เหล่านี้ได้รับการสนับสนุนโดย Chain Adapter ที่อยู่ใต้เลเยอร์นี้ ซึ่ง Chain Adapter แต่ละตัวก็จะถูกนำไปใช้งานสำหรับโปรโตคอลบล็อกเชนที่มีความเฉพาะเจาะจง

Open Chain Access Layer จะแบ่งออกเป็น 3 ระดับของ API ได้แก่:

• Level 1 Common Chain APIs: API เซตนี้เป็นรากฐานสำหรับ Open Chain Access API และ Chain Adapter ใดๆ จะต้องรองรับ API ทั้งหมดที่รวมอยู่ในระดับนี้
• Level 2: Common Chain Data APIs: API เซตนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลบล็อกเชนขั้นพื้นฐาน และจะมองว่าแต่ละบล็อกเชนที่อยู่ใต้เลเยอร์นี้เป็นเครื่องสถานะจำกัด (Finite State Machine คือ วงจรเชิงลำดับซึ่งออกแบบเป็นสถานะการทำงาน (State) ของวงจรออกเป็นหลายๆ สถานะ แต่ละสถานะมีลอจิกการทำงานที่ต่างกัน เพื่อกำเนิดค่าเอาต์พุตและค่าสถานะถัดไป) Chain Adapter จะต้องรองรับ API ทั้งหมดที่รวมอยู่ในระดับนี้ แต่อาจจะใช้ชุดความจุที่แตกต่างกันออกไปได้
• Level 3: Native Chain APIs: API เซตนี้จะเชื่อมต่อกับฟีเจอร์ดั้งเดิมของโปรโตคอลบล็อกเชนพื้นฐาน สำหรับ Chain Adapters การใช้งาน API เซตนี้ถือเป็นทางเลือก แต่อย่างไรก็ตาม มันจะช่วยเพิ่มความสามารถให้กับแอปพลิเคชั่นในการใช้ฟีเจอร์พื้นฐานของบล็อกเชนนั้นๆ

Sponsored Sponsored

Chain Adapters

Chain Adapters ทำงานเหมือนไดรเวอร์ของอุปกรณ์ที่จะช่วยแปลงการทำงานของบล็อกเชนที่อยู่ภายใต้เลเยอร์ของโปรโตคอลให้เป็น API แบบรวมที่กำหนดไว้ใน Open Chain Access Layer การมีอยู่ของ Chain Adapters นี้ช่วยให้ Open Chain Access Layer ของ ArcBlock สามารถรองรับโปรโตคอลบล็อกเชนที่หลากหลายได้ และจะช่วยให้นักพัฒนาแอปสามารถเลือกเชื่อมต่อบล็อกเชน, ประเภทของโหนด, และประเภทของการใช้งานที่แตกต่างกันได้อีกด้วย

Blocklet

Blocklet เป็นส่วนประกอบของสถาปัตยกรรมการประมวลผลแบบไร้เซิร์ฟเวอร์ (Serverless) สำหรับการรันแอปพลิเคชั่นประเภทต่างๆ ผู้ใช้งานสามารถใช้ Blocklet เพื่อสร้างบริการและส่วนประกอบต่างๆ และ Open Chain Access Protocol จะช่วยให้ Blocklet สามารถสื่อสารกับบล็อกเชนที่อยู่ใต้เลเยอร์ได้ นอกจากนี้ Decentralized Pub/Sub Gateway จะช่วยให้ Blocklets สามารถสื่อสารกับโค้ดฝั่งไคลเอ็นต์ (Clients) ที่อยู่ในเบราว์เซอร์หรือแอปพลิเคชั่นของผู้ใช้งานได้

Serverless Computing

Serverless Computing คือ รูปแบบหนึ่งของ Cloud Computing ที่ผู้ให้บริการคลาวด์จะมีการจัดสรรทรัพยากรของเครื่องจักรแบบไดนามิก Blocklets ส่วนใหญ่จะสามารถนำมาแปลงเป็น Serverless Program (โปรแกรมที่ทำงานได้โดยไม่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ตัวกลางในการประมวลผล) ได้ โดยสามารถจัดการ Blocklets เหล่านี้ผ่าน AWS Lambda, Windows Azure Functions หรือ สภาพแวดล้อมการทำงานแบบ Serverless อื่นๆ ได้

ผู้ก่อตั้ง ArcBlock

ทีมงาน ArcBlock ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญมากมายทั้งทางด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์, ผู้ประกอบการ และการประชาสัมพันธ์ Robert Mao เป็น CEO, ผู้ก่อตั้ง, และหัวหน้าสถาปนิกของแพลตฟอร์มนี้ ก่อนที่จะก่อตั้ง ArcBlock เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของเครื่องมือช่วยจัดการโซเชียลมีเดียที่มีชื่อว่า Pixomobile ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้าง, จัดการ, และแบ่งปันช่วงเวลาดีๆ ในชีวิตผ่านภาพถ่ายและวิดีโอได้โดยตรงจากอุปกรณ์มือถือของตน

Sponsored Sponsored

หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของโปรเจกต์ ArcBlock ได้แก่ Flavien Charlon ที่เคยเป็นผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Coinprism หนึ่งในสตาร์ทอัพบล็อกเชนที่เก่าแก่ที่สุด นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและ CTO ของ Trezeo อีกด้วย

ผู้ที่รับผิดชอบในส่วนของการประชาสัมพันธ์ก็คือ Jean Chen รองประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีประสบการณ์ในการเป็นนักข่าวในเมืองเซี่ยงไฮ้มากว่า 14 ปี ก่อนที่จะเบนเข็มมาทำงานในด้านการตลาดในบทบาทของ Marketing Communications, การทำ Branding และการทำ PR

สุดท้าย Tyr Chen ซึ่งมีประสบการณ์ในด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์กับบริษัทต่างๆ เช่น Juniper Networks และสตาร์ทอัพ Tubi TV มากว่า 10 ปี รับหน้าที่เป็นรองประธานฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของโปรเจกต์นี้

ABT Coin คืออะไร? แล้วมันแตกต่างจากเหรียญอื่นๆ อย่างไร?

ABT Coin หรือ ArcBlock Token คือ สกุลเงินดิจิทัลของแพลตฟอร์ม ArcBlock และเป็นโทเค็นที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการทำธุรกรรมในแพลตฟอร์ม ArcBlock ประโยชน์การใช้งานหลักๆ ของ ABT Coin คือ ใช้เป็นสื่อกลางสำหรับการใช้งานบริการต่างๆ บนแพลตฟอร์ม หรือถ้าจะให้พูดง่ายๆ ArcBlock นั้นก็เปรียบเสมือนแพลตฟอร์มผู้ให้บริการ Cloud Computing Service และ ABT Coin ก็คือโทเค็นที่ใช้สำหรับชำระเงินค่าบริการนั่นเอง

สิ่งที่ทำให้เหรียญ ABT มีความโดดเด่นและแตกต่างจากเหรียญคริปโตของเครือข่ายอื่นๆ ก็คือ การที่เหรียญ ABT เป็นโทเค็น ERC20 แบบ 1:1 ซึ่งช่วยให้การแลกเปลี่ยนโทเค็นระหว่างเครือข่ายเป็นไปได้อย่างราบรื่น และยังช่วยให้นักพัฒนาสามารถเชื่อมต่อกับชุมชน Ethereum ได้ นักพัฒนาแอปจะสามารถใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศเดิมๆ ที่มีอยู่แล้ว (ซึ่งสร้างขึ้นบนโทเค็น ERC20) ได้ พร้อมกันนั้น พวกเขาก็ยังสามารถใช้ประโยชน์จากบริการต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพสูงและเต็มไปด้วยฟีเจอร์มากมายได้

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ ABT และแพลตฟอร์ม ArcBlock มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากก็คือ ArcBlock ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้ให้บริการแอปต่างๆ เป็นผู้ที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมธุรกรรมแทนที่จะเป็นผู้ใช้งานปลายทาง (End User) เหมือนบล็อกเชนอื่นๆ อย่าง Bitcoin หรือ Ethereum ด้วยเหตุผลนี้ มันจึงทำให้เหรียญ ABT เป็นที่ต้องการและถูกจับตามองจากทั้งผู้ใช้งานและนักลงทุนมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ระบบการ “ขุด” เหรียญ ABT ของแพลตฟอร์ม ArcBlock ยังแตกต่างจากขุดเหรียญบนเครือข่ายบล็อกเชนอื่นๆ (เช่น ขุด Bitcoin) ตรงที่ “นักขุด” จะสามารถมีส่วนร่วมกับแพลตฟอร์มและขุด ABT ได้โดย:

• Resource Miners — Resource Miners คือ นักขุดที่มีส่วนในการสนับสนุนทรัพยากรการประมวลผลให้กับระบบ โดยอาจจะเป็นการจัดหาทรัพยากร Cloud Computing และทำงานเป็น Cloud Node หรือ อาจจะเป็นการสนับสนุนทรัพยากรการประมวลผลของตนเองก็ได้เช่นกัน
• Component Miners — Component Miners คือ นักขุดที่สนับสนุนส่วนประกอบต่างๆ ของซอฟต์แวร์ให้กับระบบ เช่น Chain Adapters ใหม่ๆ, Blocklet Components หรือ แอปพลิเคชั่นที่พร้อมใช้งาน เป็นต้น ส่วนประกอบเหล่านี้อาจจะเป็นโค้ดแพ็กเกจที่สามารถนำมาใช้ซ้ำและปรับใช้งานโดยแอปพลิเคชั่นอื่นๆ ได้ หรือ บริการต่างๆ ที่สามารถใช้งานได้ผ่านอินเตอร์เฟส Blocklet ตัวอย่างเช่น บริการจดจำรูปภาพด้วย AI Deep Learning ที่อาจจะมีให้บริการบนเครือข่ายอื่นๆ แต่การให้บริการในรูปแบบ Blocklets ก็เพื่อให้แอปพลิเคชั่น ArcBlock อื่นๆ สามารถใช้งานได้เช่นเดียวกัน เป็นต้น

Sponsored Sponsored

น่าลงทุนใน ArcBlock (ABT) หรือไม่

หลังจากที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับข้อมูลต่างๆ ของเทคโนโลยีซึ่งเป็นรากฐานของแพลตฟอร์ม ArcBlock เรียบร้อยแล้ว อาจจะพูดได้ว่า ArcBlock เป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่ดูจะมีศักยภาพสูงและน่าจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะแพลตฟอร์มนี้มีข้อดีต่างๆ อยู่มากมาย เช่น

• ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักพัฒนาในการสร้างและปรับใช้งาน DApps เนื่องจากพวกเขามีเครื่องมือและบริการต่างๆ ที่ให้บริการอยู่มากมาย ช่วยให้กระบวนการพัฒนาง่ายยิ่งขึ้น
• แพลตฟอร์มของ ArcBlock สามารถปรับขนาดได้ ซึ่งหมายความว่า มันสามารถรองรับธุรกรรมจำนวนมากได้ ทำให้แพลตฟอร์มนี้เหมาะสำหรับ DApps ที่ต้องจัดการกับการรับส่งข้อมูลจำนวนมาก
• ความสามารถในการทำงานร่วมกับเครือข่ายบล็อกเชนอื่นๆ ทำให้สามารถสร้าง DApps ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลจากหลายๆ บล็อกเชนได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อาจจะเป็นอุปสรรคสำหรับการเลือกลงทุนใน ArcBlock ก็คือ ArcBlock ยังเป็นโปรเจกต์ที่ค่อนข้างใหม่ ดังนั้น ความเสี่ยงในการใช้งานแพลตฟอร์มจึงยังคงมีอยู่บ้าง ไม่เหมือนแพลตฟอร์มชั้นนำอื่นๆ ที่เปิดตัวมานานและได้รับการพิสูจน์ความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ คู่แข่งของ ArcBlock มีอยู่เป็นจำนวนมาก (บรรดาโซลูชั่นต่างๆ ที่ตั้งเป้าจะทำให้การพัฒนาหรือสร้าง DApps เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น) นั่นหมายความว่า ArcBlock จะต้องแข่งขันกับแพลตฟอร์มเหล่านี้เพื่อดึงดูดนักพัฒนาให้เข้ามาสู่ระบบนิเวศของตนเองมากยิ่งขึ้น

ดังนั้น ถึงแม้ว่าอนาคตของ ArcBlock อาจจะดูสดใส แต่หากคุณกำลังพิจารณาที่จะลงทุนกับ ArcBlock สิ่งสำคัญคือ คุณจะต้องทำการศึกษาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับโปรเจกต์ด้วยตัวคุณเองให้รอบด้าน รวมไปถึง ทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แล้วพิจารณามันด้วยตัวคุณเอง

เหรียญ ABT ดีหรือไม่? อนาคตจะเป็นอย่างไร?

การพุ่งขึ้นของราคาเหรียญ ABT ในช่วงเดือนที่ผ่านมา — จากราวๆ 0.40 ดอลลาร์ ในวันที่ 31 มกราคม 2024 มาเป็น 1.54 ดอลลาร์ ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2024 และขึ้นสู่ระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 2.27 ดอลลาร์ ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2024 ที่ผ่านมา — แสดงให้เห็นว่าโปรเจกต์ ArcBlock และ เหรียญ ABT ได้รับความนิยมมากขึ้นเป็นอย่างมาก

หากทีมงานของ ArcBlock สามารถดำเนินการตามแผนงานต่างๆ ที่วางเอาไว้ได้ ArcBlock ก็จะกลายมาเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่ทำให้เกิดการปฏิวัติทางเทคโนโลยี Blockchain 3.0 ที่กำลังจะมาถึง ถึงแม้จะมีคู่แข่งอยู่มากมาย แต่ ArcBlock ก็มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครจากการโฟกัสไปที่การประมวลผลบนคลาวด์ รวมไปถึง การสร้างระบบนิเวศที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างและจัดการ DApps ได้อย่างง่ายดาย ArcBlock กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อทำให้เว็บแบบกระจายอำนาจ หรือ Web3 เป็นจริงขึ้นมา และพวกเขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางสู่ความสำเร็จที่พวกเขาสร้างขึ้นอย่างช้าๆ และแน่นอนว่า เหรียญ ABT ก็จะได้รับอานิสงค์จากการเติบโตของแพลตฟอร์มเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม การลงทุนใดๆ ก็ตามมาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ ให้ทำการศึกษาข้อมูลด้วยตัวคุณเองอย่างละเอียด และ ไม่ลงทุนไปมากกว่าที่คุณจะเสียไปได้โดยไม่กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันของคุณ