- Multisig Wallet คืออะไร?
- Multisig ทำงานอย่างไรกันแน่?
- ข้อดีของ Multisig Wallets
- ข้อเสียของ Multisig Wallets
- ประโยชน์การใช้งานของ Multisig Wallets
- ตัวอย่างของ Multisig Wallet
- Multisig vs. Single-signature Wallets
- ช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่อาจจะเกิดขึ้น และ ข้อควรพิจารณา
- Multisig Wallets นำเสนออนาคตที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
- คำถามที่พบบ่อย
เป็นเรื่องปกติสำหรับคนเทรดคริปโต ที่จะต้องการเก็บรักษาเหรียญให้ดี คุณอาจจะมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย รวมถึงความสามารถในการเข้าถึงสินทรัพย์ของคุณหากทำ Private Keys สูญหายไป
Multisig Wallet คือสิ่งที่จะมาช่วยคลายความกังวลของเราในเรื่องดังกล่าว แต่ Multisig Wallet คืออะไร? ในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้ข้อมูลต่างๆ ของ Multisig Wallet รวมไปถึงข้อดี ข้อเสีย และประโยชน์การใช้งานที่ทำให้มันเป็นที่ต้องการของทุกคน ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยดีกว่า!
เข้าร่วม BeInCrypto Trading Community บน Telegram: อ่านข่าวสารที่ร้อนแรงที่สุดในแวดวงคริปโต อ่านบทความวิเคราะห์ทางเทคนิคเกี่ยวกับเหรียญต่างๆ และสอบถามข้อมูลต่างๆ ที่คุณต้องการจากนักเทรดมืออาชีพ! เข้าร่วมตอนนี้เลย!
Multisig Wallet คืออะไร?

Multi-signature (หรือ Multisig) Wallet เป็นกระเป๋าเงินที่จะมีตัวเลือกให้ Private Keys หลายตัวสามารถเข้าถึงหรือทำการโอนสินทรัพย์คริปโตของคุณได้ โดยผู้ใช้งานจะสามารถตั้งกฏการเข้าถึง รวมถึง จำนวน Key ขั้นต่ำที่ต้องการเพื่อใช้สั่งดำเนินการ ได้ในระหว่างการตั้งค่า
Multisig Wallets นำเสนออีกรูปแบบหนึ่งของ Multi-Factor Authentication (การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย) ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในกับสินทรัพย์ของคุณ โดยเฉพาะกับสินทรัพย์ที่เป็นของหลายฝ่าย เช่น Decentralized Autonomous Organizations (DAOs หรือ องค์กรอัตโนมัติแบบกระจายอำนาจ) กระเป๋าเงินประเภทนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ได้ก็ต่อเมื่อมีผู้ถือ Key หลายคนให้การอนุมัติ
Multisig Wallets ส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะเป็นแบบ 3 Private Keys ที่ต้องการอย่างต่ำ 2 Keys เพื่อเปิดการเข้าถึง โอกาสที่คุณจะสูญเสียสินทรัพย์ของคุณก็จะลดลงเนื่องจากถึงคุณจะสูญเสียไป 1 Key คุณก็ยังเหลืออีก 2 Key ที่สามารถใช้งานเพื่อเข้าถึงสินทรัพย์ของคุณได้
Multisig ทำงานอย่างไรกันแน่?
Multisig Wallets ต้องการลายเซ็น (Signature) อย่างน้อย 2 ลายเซ็นหรือมากกว่า จากบรรดา Address ต่างๆ ที่ตั้งค่าไว้เพื่อดำเนินการในธุรกรรมต่างๆ กระเป๋าเงินจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่:
- ต้องใช้ Private Key ทั้งหมด: หากจำนวนลายเซ็นของกระเป๋าเงินที่กำหนดไว้คือ 3 ลายเซ็น หมายความว่า กระเป๋าเงินจะต้องใช้ Key ทั้งหมด (ทั้ง 3 Key) เพื่อทำการยืนยันการทำธุรกรรม
- ตั้งค่าลายเซ็นตามเกณฑ์: ในระหว่างการตั้งค่า ผู้ถือสามารถกำหนดจำนวนลายเซ็นที่ต้องการได้ ที่พบได้บ่อยที่สุดก็คือ ต้องการ 2 จาก 3 ลายเซ็น หรือ ต้องการ 3 จาก 5 ลายเซ็น
Multisig Wallets จะใช้ประโยชน์จากโค้ดของสัญญาอัจฉริยะเพื่อทำการกำกับดูแลบนเครือข่าย ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบของกระเป๋าเงินแบบดั้งเดิมที่อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ใช้งาน
และด้วยความกังวลที่มีต่อเรื่องความปลอดภัยของกระเป๋าเงินคริปโต รูปแบบการทำงานของ Multisig Wallets จึงมักจะมีตัวเลือก Self-Custody (การควบคุมดูแลกระเป๋าเงินด้วยตนเอง) ให้เลือกใช้งาน
“เมื่อคุณลงนามหรือยอมรับข้อกำหนดในการให้บริการ นั่นหมายความว่า คุณได้ยอมรับแล้วว่าการฝากโทเค็นของคุณกับผู้ให้บริการเหล่านี้ อาจจะหมายถึงการถ่ายโอนความเป็นเจ้าของของคุณให้กับพวกเขา มีสำนวนอยู่สำนวนหนึ่ง … “not your keys, not your crypto””
Gary Gensler ประธาน ก.ล.ต สหรัฐ
สำนวน “not your keys, not your crypto” สนับสนุนเรื่องการควบคุมดูแล(สินทรัพย์)ด้วยตนเอง เพื่อให้มั่นใจได้ว่า คุณมีความสามารถในควบคุมทรัพย์สินของคุณอย่างเต็มที่ คุณสามารถเคลื่อนย้ายทรัพย์สินของคุณได้โดยไม่ต้องขออนุญาต และไม่ต้องกังวลกับการกระทำของบุคคลที่สาม ว่าอาจจะทำให้สินทรัพย์ที่คุณครอบครองตกอยู่ในความเสี่ยงใดๆ
ข้อดีของ Multisig Wallets
ผู้ใช้งานจะได้รับผลประโยชน์มากมายจากการใช้งาน Multisig Wallets
การเข้าถึงแบบกระจายอำนาจ
Multisig Wallets ช่วยขจัดความเสี่ยงของการมีลายเซ็นของบุคคลสำคัญเพียงลายเซ็นเดียวที่สามารถเข้าถึงสินทรัพย์ได้ ตัวอย่างที่โด่งดังในเรื่องนี้ก็คือกรณีของ QuadrigaCX ที่ได้สูญเสียการเข้าถึงเงินฝากของลูกค้ากว่า 145 ล้านดอลลาร์ เนื่องจาก CEO ของบริษัท ผู้ซึ่งเป็นบุคคลเดียวที่เข้าถึงสินทรัพย์คริปโตใน Cold Storage (ที่จัดเก็บสินทรัพย์คริปโตแบบออฟไลน์) ได้เสียชีวิตลงไป ทำให้บริษัทไม่สามารถเข้าถึงสินทรัพย์ของลูกค้าได้ตลอดกาล
ด้วย Multisig Wallets สินทรัพย์จะไม่สูญหายไปตลอดกาล ถึงแม้ว่าคนๆ หนึ่งจะทำ Key หาย หรือ การกู้คืนบัญชีล้มเหลว ก็ตาม การเข้าถึงยังสามารถทำได้โดย Private Key ที่เหลืออยู่
นอกจากนี้ มันยังเป็นการลดความเสี่ยงในการถูก Exit Scam (การหลอกเอาเงินแล้วหายไปเลย) เนื่องจากการทำทำธุรกรรมโอนออกจะต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายๆ ฝ่าย มันยังช่วยลดความเสี่ยงให้กับ บริษัท หรือ DAO ต่างๆ ที่จะถูกผู้ไม่ประสงค์ดีใช้ช่องโหว่จากการเข้าถึงของพวกเขา
ความโปร่งใส
ด้วยความเป็นโอเพ่นซอร์สของสัญญาอัจฉริยะที่ใช้ช่วยควบคุมดูแล Multisig Wallets คือสิ่งที่ช่วยเพิ่มความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น ใครๆ ก็สามารถตรวจสอบโค้ดเพื่อตรวจสอบฝ่ายใดๆ ที่ควบคุมเงินทุนอยู่ได้
กลุ่มคน/หน่วยงานต่างๆ สามารถมอบความไว้วางใจให้ผู้ถือคีย์ควบคุมสินทรัพย์คริปโตของพวกเขาได้ เพราะพวกเขาสามารถตรวจสอบโค้ดของสัญญาอัจฉริยะเป็นระยะ ๆ และรับประกันว่ามันจะมีความปลอดภัยได้
ความสามารถในการปรับตัว
ด้วยความสามารถของสัญญาอัจฉริยะของ Multisig Wallets จะช่วยให้มันสามารถปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้งานได้ หากความต้องการเหล่านั้นเปลี่ยนไป ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถปรับเปลี่ยน หรือ อัพเกรดกระเป๋าเงินได้
กระเป๋าเงินเหล่านี้ จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแบบจำลอง และ โปรโตคอลสำหรับการดำเนินการต่างๆ ได้ เช่น การจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ การลงคะแนนเสียงใน DAO อีกทั้ง ชุมชนยังสามารถปรับเปลี่ยนการตั้งค่าของกระเป๋าเงิน ให้เหมาะกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปได้
ข้อเสียของ Multisig Wallets
ถึงแม้ว่าประโยชน์ของ Multisig Wallets จะโดดเด่นเป็นอย่างมาก แต่มันก็ยังมีข้อเสียอยู่หลายประการ
ความเร็ว
สำหรับกระเป๋าเงินที่ตั้งเกณฑ์การเข้าถึงเอาไว้ ลายเซ็นหลาย ๆ ลายเซ็นนั้นจะปรากฏในบล็อกเชนเป็นลายเซ็นเดียว ดังนั้น ขนาดของธุรกรรมจึงเพิ่มขึ้น และ นักขุดมักจะหลีกเลี่ยงธุรกรรมประเภทดังกล่าว ซึ่งทำให้มันมีค่าแก๊สที่สูงและมีความล่าช้าในการดำเนินการ
นอกจากนี้ ด้วยลักษณะความผันผวนของอุตสาหกรรมสกุลเงินคริปโตที่จะให้รางวัลแก่ผู้ที่มีความรวดเร็วมากกว่า Multisig Wallets ที่ต้องการความร่วมมือจากหลายฝ่ายจึงอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป
ยากที่จะดูแลได้ตามกฏหมาย
จากการที่อำนาจการเข้าถึงและควบคุมถูกแบ่งและมอบให้กับหลายๆ ฝ่าย ความขัดแย้งใดๆ ที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้เป็นเรื่องยากที่จะพิสูจน์ความเป็นเจ้าของได้ ในแง่ทางกฏหมาย มันอาจจะเป็นความท้าทายในการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของเพื่อที่จะทำการกล่าวอ้างใดๆ ได้
ความรู้ทางเทคนิค
ผู้ให้บริการ Multisig Wallets ส่วนใหญ่มักจะให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่ผู้ใช้งานเพื่อช่วยในการตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทางเทคนิคต่างๆ ในการตั้งค่ากระเป๋าเงิน หรือ การเลือกตัวเลือกที่เหมาะสม อาจจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากสำหรับผู้ใช้งานบางกลุ่ม เนื่องจากมันไม่มีตัวเลือกใดๆ ที่เหมาะสมกับผู้ใช้งานทุกกลุ่ม ผู้ใช้งานจึงจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ทางเทคนิค เพื่อที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวเลือก และเปรียบเทียบตัวเลือกต่างๆ กับความต้องการของตน เพื่อที่จะค้นหาตัวเลือกที่เหมาะสมมากที่สุดได้
ประโยชน์การใช้งานของ Multisig Wallets

Multisig Wallets เป็นตัวเลือกของกระเป๋าเงินที่จะมอบประโยชน์การใช้งานที่หลากหลายให้กับผู้ใช้งาน
Sponsored Sponsoredการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi)
หัวใจสำคัญของการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) คือ การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย Peer-to-Peer โดยไม่ต้องมีคนกลางเข้ามาเกี่ยวข้อง Multisig Wallets จะช่วยให้เจ้าของสินทรัพย์คริปโตให้ยืม ยืม หรือทำการซื้อขายได้ผ่านการตัดสินใจร่วมกัน โดยที่ไม่จำเป็นต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับบุคคลที่สามแต่อย่างใด
กลไกฉันทามติจะช่วยให้แน่ใจว่า ผู้ถือ Key ตามจำนวนที่กำหนดไว้หรือทั้งหมด มีส่วนร่วมในธุรกรรมใดๆ เรื่องนี้จะช่วยขจัดปัญหาบางประการที่เกิดขึ้นกับการเงินแบบรวมศูนย์ เช่น กระดานเทรดที่จำกัดการถอนเงิน หรือ ผู้ไม่ประสงค์ดีที่ทำการ Rug Pull (การที่เจ้าของโปรเจกต์คริปโตหลอกลวงให้ลงทุนในโปรเจกต์/เหรียญคริปโต จากนั้นก็ทิ้งโปรเจกต์ เทขายเหรียญหรือเชิดเงินลงทุนในระบบไป)
การใช้งานในเชิงธุรกิจและสถาบัน
ธุรกิจและสถาบันต่างๆ จะต้องสามารถจัดการความเสี่ยงที่บุคคลสำคัญสามารถเข้าถึง และ ควบคุมสินทรัพย์คริปโตทั้งหมดได้ และด้วยลักษณะของความเป็นนิรนามของอุตสาหกรรมคริปโต มันทำให้การสร้างความไว้วางใจระหว่างพันธมิตรทางธุรกิจเป็นเรื่องที่ท้าทาย
ด้วย Multisig Wallets ธุรกิจต่างๆ สามารถดำเนินต่อไปถึงแม้ว่าเหล่าผู้ถือ Key จะยังไม่รู้จักกันดีพอก็ตาม ความสามารถในการรักษาความปลอดภัยของกระเป๋าเงินเหล่านี้ ทำให้พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการกระทำของคู่พันธมิตรของพวกเขามากนัก (เพราะการที่จะกระทำการใดๆ ได้ ก็จำเป็นจะต้องใช้หลายลายเซ็นในการอนุมัตินั่นเอง)
บริการโอนเข้าออกตามเงื่อนไข และ ความปลอดภัยในการทำธุรกรรม
ด้วยการใช้ลายเซ็น 2 ใน 3 ของ Multisig Wallets ผู้ซื้อและขายสามารถทำธุรกรรมได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องกังวลว่าอีกฝ่ายจะไม่ปฏิบัติตาม ผู้ซื้อสามารถโอนเงินไปยังกระเป๋าเงิน แจ้งผู้ขาย และรอให้บริการเสร็จสิ้น หรือ สินค้าถูกส่งมาได้เลย
หากทั้ง 2 ฝ่ายป้อน Private Keys ของพวกเขาลงไป สัญญาอัจฉริยะจะทำการส่งเงินไปให้กับผู้ขายทันที หากมีข้อพิพาทใดๆ บุคคลที่สามจะสามารถเข้าไปรับฟัง และตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปได้
บัญชีร่วม และ การเป็นเจ้าของร่วมกัน
สำหรับบุคคล 2 ฝ่ายหรือมากกว่าที่มีทรัพย์สินร่วมกัน Multisig Wallets จะช่วยให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีฉันทามติ และทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีการหารือและการตกลงเกี่ยวกับการนำสินทรัพย์ไปใช้ได้อย่างง่ายดาย
ความเสี่ยงที่จะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะดำเนินการใดๆ โดยพลการโดยไม่แจ้งให้อีกฝ่ายทราบจะหมดไป เจ้าของ(สินทรัพย์)ทุกคนจะต้องมีการรายงานต่อกันและกัน ซึ่งจะช่วยสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจได้มากยิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
ตัวอย่างของ Multisig Wallet
มีตัวเลือกของ Multisig Wallets อยู่มากมายที่คุณสามารถใช้ประโยชน์ หรือเสริมความปลอดภัยให้กับสินทรัพย์คริปโตของคุณได้:
UniPass
UniPass มีเป้าหมายคือผู้ใช้งาน Web2 ที่ต้องการใช้งานแอป Web3 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงโลกแห่งคริปโตได้โดยไม่มีค่าแก๊ส หรือไม่ต้องการ Seed Phrase
เครือข่ายที่สามารถใช้งานร่วมกันได้: Polygon, Optimism, Ethereum, BNB Chain, Avalanche และ Artbitrum
Castle
Castle ช่วยให้เหล่านักสะสม NFT สามารถจัดเก็บ ซื้อขาย หรือดำเนินการธุรกรรมอื่นๆ ต่อ NFT ส่วนตัว หรือ NFT ที่เป็นเจ้าของร่วมได้ โดยมีการผสานรวม OpenSea, Genie.xyz และ Gem.xyz และยังมีตลาดซื้อขายเป็นของตนเองอีกด้วย
เครือข่ายที่สามารถใช้งานร่วมกันได้: Ethereum
Liminal
SponsoredLiminal ช่วยให้บริษัทคริปโตต่างๆ สามารถจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลของตนได้อย่างปลอดภัย ด้วยโซลูชั่นที่สามารถปรับแต่งได้จะช่วยมอบบทบาทต่างๆ ให้แก่ผู้ใช้งานตามความรับผิดชอบของพวกเขา โดยโฟกัสไปที่การป้องกันจุดบกพร่องต่างๆ เช่น ข้อผิดพลาดของมนุษย์ การสมรู้ร่วมคิดกันภายใน และการโจมตีทางไซเบอร์
เครือข่ายที่สามารถใช้งานร่วมกันได้: กว่า 18 เครือข่าย ซึ่งรวมไปถึง Bitcoin, Solana, Ethereum, Cardano, และ BNB Chain
Goki

Goki ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตั้งโปรแกรม Multisig Wallet ของพวกเขาเพื่อระบุตัวเจ้าของ ในขณะที่ก็ยังคงสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงในภายหลังเอาไว้ เจ้าของจะต้องเป็นผู้ที่อนุมัติธุรกรรมของบัญชีที่รองลงไป ในขณะที่บัญชีของเจ้าของเองนั้นไม่ต้องการอนุมัติแต่อย่างใด
เครือข่ายที่สามารถใช้งานร่วมกันได้: Solana
Rabby Wallet
Rabby Wallet จะมอบความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้งานในการเปลี่ยนไปใช้งานเชนที่สอดคล้องกับ Web3 DApp ที่เปิดใช้งานอยู่ และผู้ใช้งานยังสามารถตรวจสอบความเสี่ยง และ ข้อผิดพลาดก่อนลงนามในการทำธุรกรรมได้
เครือข่ายที่สามารถใช้งานร่วมกันได้: Ethereum, เครือข่ายอีกมากมาย (55 เครือข่าย และยังมีอีกมากมายที่รอการผสานรวมเข้ามา)
Multisig Wallets อื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ Cashmere, Snowflake, Wallet 3, Squads, และ MPCVault
Multisig vs. Single-signature Wallets
สำหรับกระเป๋าเงินคริปโตส่วนใหญ่ การอนุมัติในการทำธุรกรรมจะต้องการเพียงลายเซ็นเดียวเท่านั้น มีเพียง Multisig Wallets เท่านั้นที่แตกต่างออกไป อย่างไรก็ตาม เรามาดูข้อเปรียบเทียบอื่นๆ ที่สำคัญกันดีกว่า
Single-signature Wallet
- ต้องการนำเข้าเพียงหนึ่ง Recovery Phrase ต่อหนึ่งอุปกรณ์
- หากคุณจัดเก็บ Recovery Phrase อย่างปลอดภัย คุณจะมีวิธีเข้าถึงสินทรัพย์ของคุณได้เสมอ
- หากสูญเสีย Private Key และ Recovery Phrase ไป สินทรัพย์คริปโตของคุณก็จะหายไปตลอดกาล
Multi-signature Wallet
- กรณีที่หลายคนทำ Private Key หาย ทุกอุปกรณ์จะต้องนำเข้า Recovery Phrase อีกครั้ง
- การกู้คืน Key จะต้องการให้ผู้ถือในแต่ละรายจัดการ Recovery Phrase ของพวกเขาในระดับเดียวกัน
- สามารถเข้าถึงสินทรัพย์ได้หากมีบุคคลจำนวนมากพอที่ใช้ Recovery Phrase เพื่อเข้าถึงกระเป๋าเงิน
การเปรียบเทียบในเรื่องของความปลอดภัย
เมื่อใช้ Single-signature Wallets คุณจะมีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก การสูญเสีย Private Key ของคุณจะหมายถึงการสูญเสียสินทรัพย์ของคุณไปตลอดกาล Multisig Wallets จะช่วยลดความตรงนี้จุดนี้เนื่องจาก Keys แต่ละตัวจะอยู่ในการควบคุมของแต่ละคน
นอกจากนี้ ในเชิงของความปลอดภัยแล้ว เหล่าแฮ็กเกอร์ หรือ ผู้ไม่ประสงค์ดีใดๆ จะต้องทำการแฮ็กทุกคนเพื่อที่จะเข้าถึงสินทรัพย์ของคุณได้ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้
การอนุมัติและความยืดหยุ่นในการทำธุรกรรม
Single-signature Wallets จะต้องใช้เพียงบุคคลเดียวในการอนุมัติการทำธุรกรรม ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงได้ในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีความประสงค์ที่ไม่ดี เช่น การยักยอกเงิน หรือ ถูก Exit Scam
Sponsored Sponsoredสำหรับ Multisig Wallets หลายๆ ฝ่าย (ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้) จะต้องให้การอนุมัติเพื่อที่จะทำธุรกรรมได้ เช่น 2 ใน 3 หรือ 3 ใน 5 ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถกำหนด และตกลงกันได้ไม่ว่าจะใช้ตัวเลือกใดๆ ก็ตาม
กลไกการกู้คืนและความซ้ำซ้อน
ในเรื่องของกลไกการกู้คืน Single-signature Wallets มีกระบวนการที่ไม่ยุ่งยาก ในส่วนของ Multisig Wallets นั้นจะมีความซ้ำซ้อนในระดับที่สูงขึ้น แต่จะไม่เป็นการลดทอนความปลอดภัยแต่อย่างใด
ช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่อาจจะเกิดขึ้น และ ข้อควรพิจารณา
มีอยู่หลายสิ่งที่คุณจะต้องพิจารณาก่อนที่จะทำการตัดสินใจว่าคุณจะเลือกใช้งาน Multisig Wallets หรือไม่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเลือกใช้งานอย่างเหมาะสมจะช่วยเสริมเรื่องความปลอดภัยได้
Multisig Wallets มีหลักการแห่งการกระจายอำนาจ ทำให้แน่ใจว่าไม่มีผู้ใช้งานคนใดที่มีอำนาจเหนือไปกว่าคนอื่น คุณลักษณะนี้ก่อให้เกิดความท้าทายในเชิงการใช้งานกระเป๋าเงินสำหรับภาคธุรกิจ เนื่องจากลำดับชั้น(ของโครงสร้างบริษัท)ที่มีอยู่จะไม่สามารถนำมาใช้กับตรงนี้ได้
การขาดอำนาจศูนย์กลางก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องกังวล เพราะมันไม่สามารถมีผู้ใดที่เป็นตัวแทนของส่วนที่เหลือได้ เช่น หากผู้ถือ Key 3 คน (จากกระเป๋าเงินที่ต้องการใช้ 4 Key เพื่อทำธุรกรรม) หายสาบสูญหรือตายไป ผู้ถือ Key คนที่ 4 จะไม่สามารถทำอะไรได้เลย และไม่มีสิทธิ์ที่จะขอความช่วยเหลือใดๆ ในการเข้าถึงสินทรัพย์ในกระเป๋าเงินนั้น
Multisig Wallets นำเสนออนาคตที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ตอนนี้ เพื่อนๆ ทุกคนก็น่าจะได้คำตอบแล้วว่า Multisig Wallet คืออะไร มันช่วยลดการพึ่งพาอุปกรณ์หรือผู้ใช้งานเพียงคนเดียวในการเข้าถึงสินทรัพย์คริปโตที่สำคัญของเรา การเพิ่ม Failure Points (”จุดล้มเหลวของระบบ” ที่หากล้มเหลวแล้วจะทำให้ระบบทำงานต่อไปไม่ได้) และ การที่แฮ็กเกอร์จะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในการเข้าถึงสินทรัพย์ของคุณช่วยลดความเสี่ยงต่างๆ ได้เป็นอย่างมาก ผู้ให้บริการ Multisig Wallets บางรายก็ยังมีการนำเสนอเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งาน หรือ ซื้อขายสินทรัพย์ได้อยู่เสมอ ผู้ถือ Key ก็ยังคงควบคุมทรัพย์สินของตนและไม่ต้องกังวลว่าบุคคลที่สามจะสามารถควบคุมการเข้าถึงของพวกเขาได้