ปัญหาของระบบแบบรวมศูนย์ทำให้กลุ่ม DeFi เติบโตขึ้น สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้คนมากมายนำ USDC มาขายท่ามกลางความกังวล โดยเฉพาะบน Uniswap หลัง Circle มีเงินฝากอยู่ในธนาคารที่ล่มสลายและถูกปิดโดย FDIC
ในวันที่ 11 มีนาคม ทางแพลตฟอร์มทำปริมาณซื้อขายสูงสุดต่อวันสูงถึง 11.84 พันล้านดอลลาร์ และไม่ใช่เพียง UNI เท่านั้นที่วอลลูมเติบโต แต่แพลตฟอร์ม DeFi อื่นๆ ก็เติบโตเช่นเดียวกัน
Uniswap และ DeFi เติบโตอย่างก้าวกระโดด
การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เกิดขึ้น ในช่วงที่ USDC หลุดจาก 1 ดอลลาร์ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากการล่มสลายของ Signature, Silvergate และ Silicon Valley Bank
Sponsoredกระดานแลกเปลี่ยน crypto แบบรวมศูนย์หลายแห่งรวมถึง Binance, Coinbase, Crypto.com และ Bitpay หยุดการชำระเงินและการแปลง USDC เป็น Stablecoin อื่นๆ แบบอัตโนมัติ สิ่งนี้ทำให้ราคาของ USDC ผันผวนอย่างรุนแรง
ค่าธรรมเนียม (gas fees) จึงพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนรีบขน USDC ไป ขายเป็นเหรียญอื่นๆ บนแพลตฟอร์ม DeFi ต่างๆ บนเครือข่าย Ethereum
ตามข้อมูลจาก Dune Analytics พูลสภาพคล่อง USDC/WETH , USDT และ DAI มีปริมาณการซื้อขายเกิดขึ้น 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ตลอดทั้งสัปดาห์ก่อนที่จะถึงเหตุการณ์สำคัญในวันเสาร์ ที่ UNI สร้างรายได้ไปกว่า 8.7 ล้านดอลลาร์ จากค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม ซึ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 เดือน
เช่นเดียวกันกับ Curve Finance ที่เน้นการแลกเปลี่ยน Stablecoin ก็เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ทำวอลลูมรายวันสูงสุดเช่นกัน โดยมีธุรกรรมมูลค่ากว่า 8 พันล้านดอลลาร์ และสร้างรายได้กว่า 9.52 แสนดอลลาร์จากการเก็บค่าธรรมเนียม ส่วน Sushiswap ก็มีเหล่าวาฬเข้ามาใช้งานเช่นเดียวกัน
DeFi กลายเป็นทางออกในช่วงวิกฤต
ภาคการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) ซึ่งอาศัยสัญญาอัจฉริยะแทนคนกลางในการให้บริการทางการเงิน มีการเติบโตอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
หลังจากการล่มสลายติดต่อกันในปีที่แล้ว ความศรัทธาในสถาบันที่รวมศูนย์อยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ ในทางกลับกัน DeFi กลับได้รับความเชื่อมั่นมากขึ้น
รายงานล่าสุดโดย CoinGecko เผยว่าการระดมทุนสำหรับโครงการแบบรวมศูนย์ดูเหมือนจะถึงจุดอิ่มตัวแล้ว เนื่องจากโครงการ DeFi มีการระดมทุนเพิ่มขึ้นแม้ว่าตลาดจะเปลี่ยนจากภาวะกระทิงเป็นหมี
